ค้นหารถ Mitsubishi มือสอง

แนะนำสิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสอง

Churai | 30 มี.ค 2566
เมื่อซื้อรถมือสองต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง แนะนำการเปลี่ยนของเหลวภายในรถมือสองเพื่อให้สามารถใช้งานได้ปกติ ซื้อรถมือสองต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไร

การใช้งานรถยนต์มือสองถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีค่าครองชีพสูง อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกซื้อรถมือสองคันโปรดได้ตามที่ต้องการแล้วนั้นจะต้องทำการเปลี่ยนของเหลวภายในรถจำพวกน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก นำยาหล่อเย็น และน้ำมันเกียร์เพื่อให้ระบบการทำงานของระบบต่างๆเป็นไปได้อย่างปกติ อีกทั้งยังต้องทำการตรวจเช็คระบบแอร์ ระบบช่วงล่าง และระบบเบรกให้มีความพร้อมสำหรับการขับขี่ได้มากที่สุด หากผู้ขับขี่ไม่ทำการตรวจเช็ครถยนต์มือสองและทำการเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆภายในรถอย่างถี่ถ้วนแล้วรถของท่านอาจมีการทำงานที่ผิดพลาดจนถึงขั้นที่ไม่สามารถที่จะทำการขับขี่ได้และต้องเสียเงินในจำนวนที่มากเพื่อซ่อมแซมรถในส่วนที่เสียหาย เพราะฉะนั้นการตรวจเช็ครถมือสองและรู้ถึงสิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสองจึงสามารถช่วยให้ท่านสามารถขับรถไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและประหยัดเงินที่จะต้องสูญเสียไปค่าซ่อมรถนั่นเอง

สิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสอง

สิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสอง

สิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสองมีอะไรบ้าง

การซื้อรถมือสองจากเต็นท์จำหน่ายรถยนต์โดยทั่วไปนั้นเมื่อผู้ขับขี่ผ่านขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์เป็นที่เรียบร้อยและได้รับรถแล้วนั้นควรทำการตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ให้มีความพร้อมต่อการใช้งานมากที่สุดซึ่งประกอบไปด้วย ระบบบังคับเลี้ยว ระบบห้ามล้อ ระบบปรับอากาศ ระบบช่วงล่าง และระบบส่งกำลังอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากระบบการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในส่วนของการเปลี่ยนถ่ายของเหลวที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในระบบเครื่องยนต์ เพราะเราไม่สามารถที่จะทราบได้ว่ารถมือสองคันที่ซื้อมานั้นได้รับการเปลี่ยนถ่ายของเหลวเมื่อไรนั่นเอง ทั้งนี้สิ่งที่ควรเปลี่ยน เมื่อซื้อรถมือสองมีอยู่ด้วยกัน 8 ข้อดังนี้

1.เปลี่ยนน้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ถือเป็นสิ่งที่ต้องตรวจเช็คเมื่อทำการซื้อรถมือสอง เนื่องจากน้ำมันเกียร์ทำหน้าที่ในการข่วยให้การทำงานของระบบเกียร์เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหล่อลื่นฟันเฟืองในระบบเกียร์ไม่ให้สัมผัสกันโดยตรง อีกทั้งยังลดการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆภายใยระบบเกียร์ นอกจากนี้แล้วยังช่วยในการลดความร้อนภายในระบบเกียร์อีกด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อซื้อรถมือสองจึงต้องทำการตรวจเช็คน้ำมันเกียร์อย่างถี่ถ้วน ผ่านวิธีการสังเกตที่ก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ซึ่งมีการติดตั้งอยู่ในรถทุกคัน เมื่อเครื่องยนต์เย็นควรดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ขึ้นมาแล้วทำการเช็คให้สะอาดก่อนใส่กลับลงไปอีกครั้งเพื่อทำการวัด โดยระดับน้ำมันเกียร์ไม่ควรต่ำกว่า Cool เมื่อเครื่องเย็น และไม่ควรสูงกว่า Hot เมื่อเครื่องร้อน โดยปกติแล้วน้ำมันเกียร์ที่มีใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันมี 2 ประเภท ได้แก่ น้ำมันเกียร์ธรรมดา และน้ำมันเกียร์ออโต้ ผู้ขับขี่ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ให้ตรงกับระบบส่งกำลังของรถ และควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ในทุกๆระยะการขับขี่ 40,000 กิโลเมตร

เปลี่ยนน้ำมันเกียร์

เปลี่ยนน้ำมันเกียร์

2.เปลี่ยนน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบห้ามล้อที่ผู้ขับขี่ที่ใช้งานรถมือสองจะต้องทำการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในส่วนของน้ำมันเบรกเป็นนำดับแรก เพราะน้ำมันเบรกมีหน้าที่ในการหล่อลื่นให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความร้อนในระหว่างทำการเบรก อีกทั้งน้ำมันเบรกยังเป็นตัวช่วยส่งแรงดันจากแม่ปั๊มเบรกไปยังลูกสูบเบรกเพื่อช่วยลดการเสียดสีระหว่างจานเบรกและผ้าเบรก ในระหว่างที่ทำการเบรก หากไม่ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกย่อมส่งผลให้เมื่อน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพการเบรกในแต่ละครั้งทำได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพและระบบเบรกเสียหายนั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะเวลาที่กำหนดในระยะเวลา 1-2 ปี หรือ ประมาณ 40,000 กิโลเมตรเพื่อให้การเบรกเป็นไปอย่างสมดุล

เปลี่ยนน้ำมันเบรก

เปลี่ยนน้ำมันเบรก

3.เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น

ระบบหล่อเย็นภายในรถยนต์ถือเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อใช้งานรถมือสองชิ้นส่วนที่ควรตรวจเช็คอีกประการหนึ่ง คือ ระบบดับน้ำในหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับที่ปกติดีหรือไม่ถ้าหากเห็นว่าน้ำพร่องลงก็ควรเติมน้ำเพิ่ม แต่ถ้าหากระดับน้ำลดลงอย่างผิดปกติทั้งๆที่เพิ่งเติมไปไม่นานให้พึงระลึกไว้เสมอว่าหม้อน้ำอาจรั่วควรนำเข้าไปตรวจเช็คยังศูนย์บริการโดยด่วน อีกทั้งควรเลือกเติมน้ำสะอาดผสมกับน้ำยาหล่อเย็นลงไปภายในหม้อน้ำเท่านั้น เนื่องจากน้ำยาหล่อเย็นเป็นตัวช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยที่ความร้อนไม่สูงเกินมาตรบาน อีกทั้งน้ำยาหล่อเย็นยังทำหน้าที่ในการเพื่อป้องกันไม่ให้หม้อน้ำหรือทางเดินของเหลวในรังผึ้งเกิดการอุดตัน หรือ คราบสิ่งสกปรกต่างๆที่เข้าไปอุดตันภายในระบบหล่อเย็นอีกด้วย

เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น

เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น

4.เปลี่ยนกรองอากาศ

กรองอากาศนับเป็นอีกส่วนประกอบสำคัญในระบบเครื่องยนต์ เนื่องจากกรองอากาศทำหน้าที่ในการกรองเศษสิ่งสกปรก หรือ คราบเขม่าต่างๆและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่จะเข้าไปสู่ระบบเครื่องยนต์ อีกทั้งยังนำอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองแล้วเข้ามาผสมกับน้ำมันเพื่อทำการจุดระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตามในกรณีที่เป็นรถยนต์มือสองกรองอากาศอาจมีคราบสกปรกเกาะติดอยู่จำนวนมากโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ได้มีการทำความสะอาดแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเมื่อได้รับรถมาแล้วผู้ขับขี่ควรทำการตรวจเช็คกรองอากาศด้วยวิธีการนำออกมาเป่าด้วยลมในทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ ทำการเปลี่ยนกรองอากาศใหม่ในทุกๆ 20,000 กิโลเมตรนั่นเอง ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้การจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

เปลี่ยนกรองอากาศ

เปลี่ยนกรองอากาศ

5. เปลี่ยนสายพาน

สายพานเครื่องยนต์ถือเป็นส่วนประกอบในเครื่องยนต์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากผู้ขับขี่มีการใช้งานรถเก่า หรือ รถมือสองควรทำการเปลี่ยนสายพานใหม่เพื่อช่วยให้การทำงานของสายพานที่ฉุดเครื่องยนต์เป็นไปอย่างปกติ เนื่องจากสายพานเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปฉุดรั้งอุปกรณ์อื่นๆให้ทำงานตาม คล้ายคลึงกับฟันเฟืองหมุนขับเคลื่อนส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ ไดชาร์จ ปั๊มน้ำรวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ ปัจจุบันสายพานเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบให้ใช้สายพานหน้าเครื่องเพียง 1 เส้น ใช้ขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องภายในเครื่องยนต์เพียงเส้นเดียวมีชื่อเรียกว่า “เซอร์เพนไทน์” หากสายพานชำรุดเสียหายจะส่งผลให้อุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องหยุดการทำงานลงทันทีและเครื่องยนต์ดับสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงควรทำการตรวจเช็คสายพานอย่างสม่ำเสมอ หรือ เปลี่ยนสายพานใหม่ในกรณีที่ใช้งานรถมือสองเพราะเราไม่สามารถทราบได้ว่ารถคันดังกล่าวมีการเปลี่ยนสายพานมาตั้งแต่เมื่อไรนั่นเอง

เปลี่ยนสายพาน

เปลี่ยนสายพาน

6.เช็คระบบเบรก

การตรวจเช็คระบบเบรก หรือ ระบบห้ามล้อ นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ใช้งานรถมือสอง เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าการตรวจเช็คระบบเบรกครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อไร เนื่องจากระบบห้ามล้อหากไม่มีการตรวจเช็คระบบเบรก น้ำมันเบรกรวมไปถึงผ้าเบรกให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานในขณะทำการเบรกย่อมที่จะทำได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพผนวกกับเส้นทางที่เปียกลื่นย่อมส่งผลให้ผู้ขับขี่ต้องใช้ระยะในการเบรกมากยิ่งขึ้นหากผ้าเบรกเสื่อมสภาพก็จะไม่สามารถหยุดชะลอความเร็วรถลงได้ อีกทั้งในการเบรกแต่ละครั้งยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำได้อีกด้วย ส่วนวิธีการตรวจเช็คระบบเบรกโดยเฉพาะในชิ้นส่วนผ้าเบรกควรทำการเปลี่ยนใหม่เมื่อใช้งานไปได้ครบระยะประมาณ 60,000 กิโลเมตร รวมไปถึงลูกยางรองปั๊มเบรก และ ลูกยางลูกสูบเบรก เนื่องจากอุปกรณ์ประเภทนี้เมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานจะส่งผลให้คุณภาพเสื่อมลงจนทำให้เมื่อเบรกจะส่งเสียงดังรวมไปถึงในบางครั้งอาจทำให้การเบรกไม่นิ่งสนิทซึ่งผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดให้ทันท่วงทีเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

เช็คระบบเบรก

เช็คระบบเบรก

7.เช็คช่วงล่าง

การตรวจเช็คช่วงล่างรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ หรือ รถมือสองที่ผ่านการใช้งานหนักย่อมช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางได้ถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยมาก สำหรับระบบช่วงล่างในรถยนต์มีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ ยางรถ และ โช๊คอัพ สำหรับการตรวจเช็คช่วงล่างสามารถที่จะทำได้ง่ายๆด้วยตนเอง ในส่วนของยางรถนั้นจะมีการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หากพบว่ายางมีร่องที่ตื้นขึ้น หรือ ดอกยากสึกกร่อนก็ให้ทำการเปลี่ยนใหม่ หรือ อาจเลือกเปลี่ยนตามอายุการใช้งานที่ 40,000 กิโลเมตรก็ได้เช่นกัน ในส่วนของโช๊คอัพ หากพบว่าเมื่อขับขี่ในเส้นทางขรุขระโช๊คอัพมีการทำงานที่ผิดปกติไม่มีความสมดุล รถลงหลุมแล้วยังมีอาการกระด้างอยู่ไม่นุ่มนวลให้พึงระลึกไว้เสมอว่าโช๊คอัพในรถของท่านมีความผิดปกติควรทำการเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่เพื่อให้ในทุกการขับขี่มีความนุ่มนวลเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

เช็คช่วงล่าง

เช็คช่วงล่าง

8.เช็คระบบแอร์

ระบบแอร์ภายในรถยนต์มีความสำคัญในการมอบอากาศบริสุทธิ์ให้แก่ห้องโดยสารและทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผู้ขับขี่ใช้งานรถมือสอง นอกจากการตรวจเช็คระบบการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว อีกชิ้นส่วนหนึ่งที่ควรตรวจเช็ค คือ เช็คระบบแอร์ เนื่องจากระบบแอร์เมื่อมีการใช้งานเป็นระยะเวลานานน้ำยาแอร์อาจจะหมด ไส้กรองอากาสมีคราบสกปรกเข้าไปอุดตันอยู่ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่กรองอากาศที่จะเข้ามาสู่ระบบแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมไปถึงมีคราบสกปรกอุดตันภายในท่อน้ำยาแอร์ หรือ ท่อน้ำยาแอร์รั่ว ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถเลือกทำความสะอาดไส้กรองอากาศได้ง่ายๆด้วยตนเองเพียงแค่สังเกตกล่องสีดำขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ภายในห้องเครื่องซึ่งจะมีฝาปิด เมื่อเปิดออกจะพบกับไส้กรองอากาศให้ถอดออกมาด้วยความระมัดระวังกันเศษฝุ่นผงตกลงไปภายในเครื่องยนต์แล้วนำมาล้างออกด้วยน้ำสะอาดก่อนเป่าให้แห้งแล้วนำติดตั้งเข้าไปใหม่อีกครั้งก็จะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

เช็คระบบแอร์

เช็คระบบแอร์

อ่านเพิ่มเติม:

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://mitsubishirakatook.com/